โปรแกรมตัดต่อที่มีให้เลือกใช้กันหลากหลาย โดยแต่ละแอพลิเคชั่นต่างก็มีลูกเล่นและการออกแบบที่ต้องการให้มือใหม่ใช้งานง่ายมากที่สุด และยิ่งในปัจจุบันต่างใช้สมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ถ่ายวีดีโอมากขึ้น แอพลิเคชั่นหรือโปรแกรมตัดต่อเหล่านี้จึงมีความสำคัญมากขึ้นทีเดียว วันนี้ผู้เขียนคนเดิมเพิ่มเติมคือจะมาแนะนำ  Adobe Premier RUSH ที่ไม่เหมือน RUSH Hour แต่อยากจะเล่าว่าแอพนี้ดีประมาณไหนในสายตาคนมือใหม่หัดตัดต่อ 1.ออกแบบหน้าตาให้เข้าใจง่าย Premiere RUSH  เป็นโปรแกรมและแอพลิเคชั่นที่ออกแบบมาให้เข้าใจง่ายและไม่ได้ซับซ้อนอย่าง Premiere Pro  ที่จะมีเครื่องมือและความยุ่งยากซับซ้อนมากกว่า เมนูต่างๆที่มีในเวอร์ชั่น RUSH นั้นจะมีน้อยกว่าและใช้ไอคอนเป็นสื่อกลางที่มาช่วยมมือใหม่เข้าใจง่ายและรวดเร็ว แถมยังมี pop-up อธิบายทุกครั้ง ถือว่าเป็นองค์รวมที่จะช่วยให้มือใหม่เข้าใจ 2.วีดีโอสอนใช้งานมีให้ชม เป็นการเตรียมตัวมาดีมากสำหรับทาง adobe ที่มีการเตรียมตัวให้มือใหม่สามารถเรียนรู้การใช้งานแอพลิเคชั่นได้จากหน้าเว็บของทางผู้ผลิต รวมไปถึงเสนอไอเดียใหม่ๆ มาเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ใช้งานเรียนรู้และทดลองทำจากโปรแกรม Premiere RUSH 3.เพลงมีให้เลือกสบายๆ  เพลงเป็นเรื่องที่ผู้เขียนเองก็แอบปวดหัวที่จะต้องไปตามหาในเว็บไซต์ต่างๆ  แต่ในตัว  Premiere RUSH มีเพลงให้เลือกใช้ฟรีให้เลือกหลายเพลง หลายแนว ผ่านเมนู Audio ซึ่งผู้ใช้งานสามารถฟังเพลงก่อนเอามาลงในเส้นเสียงได้  ซึ่งใครที่อยากจะเอาบางส่วนของเพลงก็สามารถทำได้ ตัวโปรแกรมทำพรีวิวมาให้เราเลือกบางส่วนมาลงได้ 4.Auto Duck  ฟีเจอร์ที่ลดเสียงเพลงได้ทันทีเมื่อมีเสียงพูด  เป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ต่อมือใหม่ มากๆ เพราะฟีเจอร์ Auto Duck  เป็นฟีเจอร์ที่เข้ามาช่วยให้เสียงเพลงเบาลงเมื่อเจอช่วงที่มีเสียงพูดเข้ามา […]

เวลาใครที่อยากจะศึกษามุมมองการถ่ายภาพจากผลงานช่างภาพดังๆ เพื่อให้เป็นแนวทางการถ่ายภาพของเรา นอกจากสื่อโซเชียลมีเดียและตามงานแสดงภาพถ่ายแล้ว อีกสิ่งที่ช่างภาพอาชีพหลายคนแนะนำคือ Photo book ของช่างภาพชื่อดัง วันนี้เรามาลองดูกันว่า มีเล่มไหนน่าสนใจต้องไปหามาไว้ในครอบครอง 1. Steve McCurry ช่างภาพเซเลบผลงานภาพหลายรูปเรียกว่าเป็นตำนานของวงการถ่ายภาพ อย่างภาพ Afghan Girl ที่ได้ขึ้นปกนิตยสาร National geographic และภาพอื่นๆ อีกหลายภาพที่สวยงาม ด้วยสไตล์การถ่ายที่มีเอกลักษณ์และการออกองค์ประกอบที่สมบูรณ์และแปลกใหม่ให้มือใหม่ได้ศึกษา 2. Henri Cartier-Bresson อีกหนึ่งบิดาของวงการถ่ายภาพสตรีทที่ชื่นชอบถ่ายภาพขาวดำ และเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกการถ่ายภาพแนวสตรีทกลุ่มแรกๆ  ด้วยการองค์ประกอบที่ต้องบอกว่าสมบูรณ์แบบและมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนทำให้ช่างภาพท่านนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับช่างภาพยุคใหม่หลายคน โดยเฉพาะงานภาพของเขาที่เข้าไปถ่ายที่เมืองจีนในช่วงปี 1948-1949 ถือว่าเป็นงานภาพที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และความงามของศิลปะภาพถ่าย 3.Fan ho อีกหนึ่งช่างภาพชาวจีนที่ต่อมาย้ายไปอยู่ฮ่องกงในช่วงปี 1949 และเริ่มบันทึกภาพถ่ายในฮ่องกงลงบนฟิล์มขาวดำและด้วยที่ตัว Fan Ho เองมีความชอบในงานของ Henri Cartier-Bresson ทำให้งานของเขากลิ่นอายคล้ายๆ กับช่างภาพระดับตำนาน แต่ยังคงเสน่ห์ในแบบฉบับเอเชียไว้ สำหรับใครที่อยากจะเก็บ Photo book ของ Fan Ho ผู้เขียนต้องบอกว่าควรเร่งซื้อเสียหน่อยเพราะนานๆ มีมาและความต้องการซื้อก็มากจนหมดไว แถมบางทีราคารวมค่าส่งเกือบ 5000 บาทก็มี 4. […]

Street photography แนวถ่ายภาพที่ได้รับความนิยมมากในเวลานี้ แน่นอนเหล่ามือใหม่ยังคงพยายามออกเดินถ่ายภาพเพื่อให้ได้ภาพดีๆ มาไว้ที่ตัว ซึ่งเทคนิคการถ่ายภาพของมือโปรหลายคนต่างมีเทคนิค Craig Reilly ช่างภาพ หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Street Photography International Collective มาแบ่งปันเทคนิคการถ่ายภาพแนว street 10 ข้อให้มือใหม่ได้ไปลองกัน 1.เลือกเครื่องมือที่ใช่ เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกเว็บไซต์ หนังสือและบทความต่างๆ แนะรูปแบบ ขนาดกล้องที่เหมาะแก่การถ่ายภาพแนวนี้ ส่วนใหญ่จะแนะนำว่าจะเป็นกล้องที่มีขนาดเล็ก เลนส์ระยะ 35 มม. แต่ถ้าคุณลองแนวนี้มาบ้างแล้วลองมองหาความแตกต่างเพื่อสร้างสรรค์แนวใหม่ๆ ในแบบของตัวคุณออกมา โดยตัวของ Craig Reilly เลือกใช้กล้องเซนเซอร์ micro four third ของแบรนด์ OM-D เหตุผลส่วนตัวที่เลือกเพราะเป็นระบบที่เข้ากับ Craig Reilly และปุ่มสั่งงานยังตั้งค่าได้ตามต้องการ ขนาดและน้ำหนักของกล้องบวกกับคุณภาพของกล้องทำให้การทำงานของเขาง่ายมากขึ้นแม้ในสภาพอากาศที่ย่ำแย่ก็ตาม ส่วนเลนส์ที่ใช้จะเป็นเลนส์ฟิกเป็นส่วนใหญ่ เพื่อบังคับให้เราต้องเข้าใกล้ตัวแบบมากขึ้น 2.ไม่ต้องเร่งรีบ สำหรับคนที่เริ่มถ่ายภาพสตรีทครั้งแรกจะรู้สึกตื่นเต้นกับทุกสิ่งที่เคลื่อนไหวหรืออยู่นิ่งๆ ซึ่งผลที่ได้มาคือรูปจำนวนมากซึ่งอาจจะมากถึง 100 รูปเลยก็ได้แต่เมื่อเรานำมาตรวจสอบดูที่หน้าจอคอมกลับกลายเป็นรูปที่ใช้งานไม่ได้เกือบทั้งหมด Craig Reilly แนะนำให้ผู้เริ่มต้นเรียนรู้และรู้จักรอในจุดที่คิดว่าหรือคาดเดาว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น ซึ่งเหตุการณ์นั้นอาจจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ ขึ้นอยู่กับการรอและโอกาสที่จะเกิดขึ้น […]

หลายคนที่เริ่มฝึกถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอที่ยังไม่รู้ว่าจะหากิจกรรมสนุกๆ สำหรับใช้ฝึกซ้อมถ่ายรูป บางคนอาจจะเริ่มไม่สนุกกับการนั่งเรียนหรือออกทริปที่มีลักษณะเป็นกึ่งทางการมากไปหน่อย บทความนี้อยากจะพาผู้อ่านไปรู้จักกับกิจกรรมฝึกฝนที่จะช่วยเพิ่มค่าประสบการณ์การถ่ายภาพและให้ความสนุก ท้าทายกับผู้เล่น ทั้ง 5 กิจกรรมที่มานำเสนอมีอะไรบ้าง ลองติดตามกันดู 1. The 365 Project ถ่ายทุกวัน กล้องติดตัวทั้งปี เป็นเกมส์ยอดนิยมของช่างภาพฝึกหัดมาหลายยุคหลายสมัย แนวคิดที่อยู่เบื้องหลังเกมส์นี้คือการพกกล้องถ่ายรูปทุกวันอย่างน้อย 1 รูปทุกลงเป็นอัลบั้มจนกว่าจะครบ 365 รูป เรียกว่า ครบหนึ่งปีเราจะได้เห็นภาพรูปผลงานที่เราถ่าย ยิ่งถ้าเรากำหนดธีมให้แนวเดียวกันจะช่วยให้เราฝึกฝนในโจทย์นั้นออกมา วิธีการนี้ช่วยบริหารสมองกับโจทย์นี้ว่าเราจะหาวิธีใหม่ๆ เข้ามาทำโจทย์นี้น่าสนใจไม่ซ้ำเดิมทุกวัน แต่ถ้าไม่สามารถถ่ายรูปได้ทุกวันทั้งปีอาจจะกำหนดเป็นเลขที่น้อยลงก็ได้ตามความสมารถของผู้เล่น 2. 100 รูปคนแปลกหน้า เป็นอีกเกมส์ที่ใครได้ลองแล้วจะสนุกสนานเพราะนอกจากเราจะได้ถ่ายรูปคนต่างๆที่เราเจอในชีวิตประจำวันแล้วแถมเรายังได้ฝึกฝนการพูดคุยเพื่อขอถ่ายบุคคลในพื้นที่สาธารณะ กิจกรรมนี้ทำให้เราได้มองโลกบวก หัดจัดท่าทางให้กับคนเป็นแบบแลยังได้เรียนรู้ชีวิตหรือข้อมูลของคนที่เราขอถ่ายภาพ ประโยชน์จากเกมส์นี้มันสามารถมาต่อยอดการทำงานได้มากทีเดียว การหัดจัดท่าทางนางแบบ การพูดคุยที่จะช่วยให้นางแบบผ่อนคลาย ซึ่งงานแนวรับปริญญา หรืออื่นๆ จะช่วยให้เราทำงานได้ง่ายรวดเร็ว 3.1สถานที่ต่างมุมมอง ต่างเวลา หากเราไม่อยากเจอผู้คนที่วุ่นวายและอยากจะเดินหาจุดน่าสนใจที่อยู่กับที่เพื่อถ่ายทอดถึงความเปลี่ยนแปลงของสถานที่นั้นๆ ตลอด 1 ปีหรือน้อยกว่านั้น  และคุณยังสามารถลองค้นหาความหลากหลายให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ภายในสถานที่ที่คุณเลือกโดยเปลี่ยนตำแหน่งที่คุณเล็งเลนส์ ถ่ายภาพระยะใกล้ถ่ายภาพให้กว้างขึ้นเยี่ยมชมสถานที่นั้น ๆ ในแต่ละช่วงเวลาของวัน คุณอาจแปลกใจว่ามีสิ่งที่น่าสนใจมากมายเพียงใดในที่เดียว 4.เกมส์ถ่ายเรียงตัวอักษร มันเป็นเรื่องยากที่เราจะคิดโจทย์ถ่ายภาพในแต่ละวัน เพื่อความสนุกสนานเราใช้ตัวอัการ A-Z […]

หลายสิ่งหลายอย่างที่เราฝึกฝนหรือพยายามนอกจากเรียนรู้แล้วการตั้ง mindset ที่ดีและเหมาะสมจะช่วยให้เราเรียนรู้และทำสิ่งนั้นได้ดีมากขึ้น เรียกว่าสิ่งดีๆเริ่มได้จากในใจเรา การถ่ายภาพก็เช่นกันบางครั้งเราเรียนรู้บทความอ่าน  เรียนรู้จากคนเก่งหรือฝึกฝนหาแนวทางของตนเอง การตั้งแนวคิดทัศนคติของเราให้เหมาะสมอาจจะมีส่วนช่วยให้ความพยายามของเรามีทิศทางและแนวโน้มที่ดีมากขึ้น สบายใจมากขึ้น วันนี้เรามาลองดู 5 ทัศนคติที่ช่วยให้เราฝึกถ่ายรูปได้ผลดี 1.ฝึกต่อเนื่องไม่ย่อท้อ  ใครที่เคยไปฟังช่างภาพอาชีพหรือศิลปินที่ประสบความสำเร็จ ทุกคนมักจะพูดเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่าฝึกถ่ายให้บ่อยๆ เพื่อที่จะทำให้เราเข้าใจแสง การจัดองค์ประกอบ ยิ่งเราถ่ายภาพมากแล้วนำมาพิจารณาจะทำให้เราเข้าใจการถ่ายภาพมากขึ้น นอกจากถ่ายให้เยอะแล้วควรถ่ายรูปให้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นภาพวิวทิวทัศน์ ภาพถ่ายบุคคล และอื่นๆ ยิ่งคนที่พึ่งจะเริ่มเรียนรู้และยังค้นหาแนวทางของตนเองไม่ได้ การถ่ายภาพหลายแนวจะช่วยให้เราเจอแนวที่ชอบเร็วมากขึ้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญการถ่ายภาพแนะนำว่าโครงการถ่ายภาพซีรี่ย์ 365 เป็นโครงการที่ต้องให้เราถ่ายรูปทุกวันแล้วนำรูปมาพิจารณาเพื่อหาข้อปรับปรุงและพัฒนางานของเราได้อย่างต่อเนื่องทุกวัน 2.เก่งในชั่วข้ามคือเรื่องของนิทาน เป็นเรื่องหนึ่งที่อาจจะต้องเข้าใจไว้ว่าไม่มีใครเก่งในชั่วข้ามคืน การถ่ายภาพก็เช่นกัน เมื่อตั้งมั่นตั้งใจแล้วว่าจะฝึกฝนด้านการถ่ายภาพ การให้เวลา การหาความรู้และความอดทน เพื่อให้บ่มเพาะความเข้าใจศาสตร์ถ่ายภาพให้เข้าใจมากขึ้น  ยิ่งรู้มากยิ่งทำให้เราพัฒนาการถ่ายภาพของเราได้มากยิ่งขึ้น 3.แข่งกันอย่างสันติ วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์  ความสนุกในการเรียนอย่างหนึ่งคือการแข่งขัน ยิ่งเพื่อนฝูงที่ฝึกฝนการถ่ายภาพมาในเวลาใกล้เคียงกันถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่าสนใจมาก แต่การแข่งขันย่อมต้องมีแนวคิดที่จะช่วยเหลือกันผลักดันเกื้อหนุนกันและกันยิ่งจะช่วยให้ทั้งกลุ่มพัฒนาตัวเองได้เร็ว การช่วยกันวิจารณ์ภาพเป็นกิจกรรมที่จะช่วยให้เราเห็นข้อผิดพลาดของตนเองได้ชัดเจน แต่การตินั้นควรเป็นไปเพื่อก่อเกิดประโยชน์แก่ผู้ฟังมากกว่าการทับถมกัน เพราะคำพูดเจ็บมันทำลายคนๆ หนึ่งได้มากทีเดียว  4.ไม่มีภาพไหนสมบูรณ์ เป็นความคิดของหลายคนรวมถึงผู้เขียนเองก็พยายามค้นหาภาพที่สมบูรณ์แบบไร้ซึ่งข้อติ ข้อผิดไว้ในพอร์ตงานของตนเองแต่ในความจริงแล้ว การได้ภาพที่ดี สมบูรณ์แบบเป็นเรื่องยากพอสมควร ซึ่งบางเว็บไซต์แจงว่าการหาภาพเป้าหมายสูงสุด 5.มองโลกบวก พัฒนาการก็บวก ชีวิตเรามักจะสะท้อนจากมุมมองของเรา  การมองโลกในด้านดีจะช่วยให้เราพยายามต่อไปอย่างมีความสุขและไม่รู้สึกทุกข์ใจ เพราะหลายครั้งที่เราเรียนรู้ ความท้อแท้ย่อมมีแทรกมาบ้าง แต่ถ้าเรามองโลกบวกจะช่วยให้สนุกและไม่เบื่อที่จะต้องเจออุปสรรคหรือโจทย์ที่ยาก […]

การถ่ายภาพนอกสถานที่เป็นกิจกรรมที่หลายคนชอบที่จะทำกันทั้งสายงานอาชีพและสมัครเล่นรวมถึงถ่ายเล่นเอาบันเทิง แต่มีหลายคนอาจจะเคยประสบปัญหาว่าดูข้อมูลมาดิบดีแต่พอมาสถานที่จริงกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเท่าไร ภาพที่ออกมาคนละทิศกับจินตนาการที่วางแผนไว้ วันนี้อยากจะพาเพื่อนๆ มาดูเทคนิคง่ายๆ ทำเองได้ไม่ยุ่งยาก 1.เข้าใจแสงของสถานที่ แสงถือเป็นเรื่องสำคัญในการถ่ายภาพและสถานที่แต่ละแห่งจะมีสภาพแสงที่แตกต่างกันไป ฉะนั้นเมื่อไปดูสถานที่ เรื่องแสงคือสิ่งที่จำเป็นที่ต้องดูเพราะถ้าแสงดีภาพที่ออกมาจะดูดี ซึ่งบางครั้งแสงดีภาพก็ดีจนแทบไม่ต้องแต่งในคอม ฉะนั้นเมื่อไปสำรวจสถานที่ต้องดูว่าทิศทางแสงในแต่ละวันเป็นอย่างไรมาจากทิศไหน เมื่อไปสถานที่ที่เราสำรวจลองบันทึกภาพเพื่อดูว่าแสงในแต่ละเวลามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรเพื่อให้วางแผนได้แม่นยำมากขึ้น 2.เก็บข้อมูลจำเป็นอื่นๆ ของสถานที่ นอกจากทิศทางแสง มุมที่เราสนใจแล้ว เรื่องอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับการถ่ายภาพแต่จำเป็นในการทำงานอย่าง สถานที่จอดรถ  ค่าใช้จ่ายเข้าสถานที่หรือแม้แต่กฎระเบียบบางอย่างที่เราต้องรู้เพื่อให้วันถ่ายภาพของเราสะดวกสบายไม่มีปัญหากับทางสถานที่และวิธีการเดินทางเพื่ออธิบายกับทั้งนางแบบ นายแบบ หรือเพื่อนสมาชิกในทีม เพื่อให้การถ่ายภาพของเราสะดวกไร้ปัญหา 3.วางแผนการขนอุปกรณ์ไปใช้ อุปกรณ์ถ่ายภาพมีมากมายหลายชิ้น ถ้าขนไปหมดก็ได้แต่ถ้าอยากจะขนเฉพาะใช้งานจะช่วยให้เราทำงานได้ง่ายๆและไม่ต้องของพะรุงพะรังมากเกินไป และด้วยการถ่ายภาพนอกสถานที่มีความยืดหยุ่นที่สูงพอสมควร เราอาจจะพกแค่แผ่นสะท้อนไปก็ยังพอได้ หรือจะพกแฟลชแยกไปก็อยู่ที่การวางแผนของเรา 4.จับคู่สถานที่กับธีมที่เราวางไว้ สถานที่กับธีมควรไปด้วยกัน เพราะฉากเป็นส่วนหนึ่งให้การเล่าเรื่องของเราดูสมจริงมากยิ่ง ถ้าฉากกับเรื่องราวที่เรานำเสนอไปคนละทิสคนละทางกันจะทำให้ภาพที่ออกมาดูขัดแย้งจนบดบังความงามที่อยากถ่ายทอด ในขณะที่เรามองหาสถานที่ เราควรพยายามนึกถึงธีมที่เราวางไว้ด้วยว่าเหมาะสมเข้ากันได้มากแค่ไหน 5.ขออนุญาตใช้สถานที่เพื่อความปลอดภัย เรื่องนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ช่างภาพสาย stock หลายคนเข้าใจดีมากๆ เพราะต้องยื่นทุกครั้งเวลาส่งรูป แม้เราจะถ่ายรูปเพื่อความบันเทิง แต่บางครั้งหากเราไปในที่ส่วนบุคคลการขออนุญาตก่อนจะช่วยให้เจ้าของรับรู้ ส่วนฝั่งเราที่ถ่ายรูปก็สามารถถ่ายรูปได้สบายใจ ยิ่งหากเป็นงานจริงจังอย่างเพื่อโปรโมทเสื้อผ้าหรือธุรกิจเรายิ่งจำเป็นต้องขออนุญาต

รักของคนเรามีหลายแบบ กล้องถ่ายภาพและเซนเซอร์ก็มีหลายขนาดมากมายอยู่ที่การใช้งานของแต่ละคนจะลงตัวกับกล้องแต่ละรุ่น แต่ถ้าเราจะเปรียบเทียบสไตล์ความรักของเราไปจับคู่กับขนาดเซนเซอร์ที่มีอยู่ในกล้องรุ่นต่างๆในตลาดว่าจะตรงกับสไตล์การใช้งานกล้องได้มากแค่ไหน แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนอยากลองชวนเพื่อนๆ ไปชมกันว่าเซนเซอร์กล้องแบบไหนที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของเรา 1. เซนเซอร์ 1 นิ้ว Puppy Love รักเบาๆ ไปได้ทุกที่ เป็นเซนเซอร์ขนาดเล็กยอดนิยมที่ใช้กันในกล้องคอมแพคขนาดเล็ก อย่างรุ่น  Sony RX100 VI หรือ Canon PowerShot G9 X Mark II นอกขนาดเล็กแล้วฟีเจอร์หลายอย่างก็มีมาให้เยอะมากพอสมควร ระบบต่างๆก็ดูเก่งกาจ แค่กดถ่ายก็ได้รูป ราวกับรักแรกพบของหนุ่มสาวที่ดูสบายๆ สนุกสนานสดใสไม่ยุ่งยากพร้อมลุยไปทุกที่ ฟีเจอร์ลูกเล่นน่าตื่นตาตื่นใจส่วนคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ดีเหมาะสำหรับมือใหม่หรือคนที่ไม่อยากพกกล้องหนักๆ เน้นถ่ายภาพง่าย 2. Four Thirds รักยกระดับแต่ยังคงความบันเทิง เป็นเซนเซอร์ที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นกว่าเซนเซอร์ 1 นิ้วแต่ยังเล็กกว่าเซนเซอร์ APS-C (ข้อต่อไป) ซึ่งเป็นเซนเซอร์ที่ใช้ในกล้องของค่าย Panasonic และ Olympus แม้เซนเซอร์จะใหญ่ขึ้นมานิดหน่อยแต่ขนาดยังคงเล็กพกพาง่ายและยังมีฟีเจอร์ลูกเล่นให้เลิกเล่น แต่สิ่งที่เสริมมาอีกคือสามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ และยังมีระยะให้เลือกเล่นเยอะอยู่ไม่น้อย 3.APS-C รักมาตรฐานวัยรุ่นสร้างตัว หลายคนที่เริ่มจริงจังกับการถ่ายภาพ ต้องการคุณภาพไฟล์ ความสามารถกล้องที่มากยิ่งขึ้นเหมือนกับรักของหนุ่มพึ่งทำงานที่แรกเริ่มมีเงินเปย์ให้ความรักมากขึ้น กล้องเซนเซอร์ APS-C […]

ใครที่อยากจะหัดจัดไฟสตูดิโอแต่ไม่มีอุปกรณ์และเงินทุนในการเรียนรู้ จากประสบการณ์ผู้เขียนเองก็เป็นคนหนึ่งที่เบคยเสียเงินค่าเรียนเรื่องนี้ไปหลายพันบาททีเดียว แต่ในตอนนี้มีตัวเลือกที่เสียเงินค่าโปรแกรมอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะให้เราได้ฝึกการวางไฟและตั้งค่ากำลังไฟแต่ละตัวได้แล้ว โปรแกรมนี้มีชื่อว่า set.a.light 3D โปรแกรม set.a.light 3D เป็นโปรแกรมที่พัฒนาโดยบริษัท  elixxier Software โดยผู้ผลิตสร้างโปรแกรมนี้โดยเตรียมฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่างภาพคนหนึ่งต้องใช้ใส่มาไว้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็ฯเรื่องกล้อง เลนส์ ไฟรวมไปถึงตัวกรองแสงแบบต่างๆ มาให้เลือก รวมทั้งตัวนางแบบก็สามารถปรับเปรียนสีผิว ผม เสื้อผ้าและพรอพต่างๆ เองได้  เรียกว่าเป็นการจำลองห้องสตูดิโอที่เราใช้งานจริงๆ ทั้งหมด  ในการแสดงผลหลังกล้องหรือมุมมองจากด้านบน ตัวโปรแกรมก็มีมาให้ด้วย ซึ่งการแสดงผลหลังกล้องถ่ายรูปนั้นจะเป็นผลลัพท์ที่เราตั้งค่ากล้องทั้ง รูรับแสง ชัตเตอร์สปีด ระยะเลนส์ที่ใช้รวมถึงกำลังไฟที่เราตั้งค่า อกมาให้เราชมว่าสุดท้ายภาพที่ออกมานั้นหน้าตาเป็นอย่างไร ถามว่าโปรแกรมนี้เหมาะกับใครบ้าง กลุ่มแรกเลยคือกลุ่มคนที่อยากเรียนรู้การจัดวางแสงสตูดิโอแต่ไม่อยากลงพื้นที่จริง และสองคนที่อยากทบทวนการเรียนรู้มา ยิ่งในช่วงกักตัวอยู่บ้าน โปรแกรมนี้จะมีประโยชน์มากในฝึกความชำนาญการถ่ายภาพในสตูดิโอมากขึ้น ส่วนเรื่องราคาตอนนี้ทางบริษัท elixxier Software ตั้งราคาชุดพื้นฐานไว้ที่ €79 และ Studio version ที่ €154 แต่ก็มีเวอร์ชั่นทดลองใช้งานฟรี 15 วัน ใครที่อยากลองใช้งานเพื่อฝึกฝนการจัดแสงก็สามารถมาลองกับโปรแกรมนี้ได้เลย

ใครที่ต้องกักอยู่บ้านหรือแม้ work from home อาจจะมีอารมณ์ว่างๆ และรู้สึกเบื่อที่ต้องตื่นมานั่งดูทีวี มองกำแพงหรือนั่งหน้าจอคอมทุกวันแทนที่จะได้ออกไปถ่ายภาพกดชัตเตอร์ วันนี้เรามี 6 แหล่งเรียนรู้เรื่องการถ่ายภาพออนไลน์ที่ให้ทุกคนได้เรียนรู้จากในบ้านไม่ยุ่งยากและยังได้ฝึกภาษาอังกฤษไปในตัวด้วย เรามาดูกันว่ามีอะไรบ้าง 1.Nikon School Online Nikon หนึ่งในยักษ์ใหญ่วงการถ่ายภาพที่ขึ้นชื่อว่ามีแฟนคลับเยอะเป็นอันดับต้นและขึ้นชื่อว่ามีคอสต์สอนถ่ายภาพเป็นประจำให้สาวกเข้ามาเรียนเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ในช่วงทาง Nikon อยากจะเป็นส่วนหนึ่งให้คนถ่ายภาพได้เรียนรู้และพัฒนาตัวเองในระหว่างกักตัว ทางผู้จัดจะปล่อยคอสต์ออนไลน์ฟรีตลอดเดือนเมษายนรวมถึงหัวข้อของสองช่างภาพชื่อดังทั้ง Joe McNally และ Chris Hershman ซึ่งช่างภาพคนหลังจะมาสอนเรื่องการสร้าง music video ใน 1 ชั่วโมง 2.#StayHomeWithLeica ด้านจุดแดงไลก้าเองก็ไม่น้อยหน้าเปิดตัวกิจกรรม #StayAtHomeWithLeica บน Instagram ทีมีทั้งกิจกรรม challenge และ live พูดคุย สัมภาษณ์ของช่างภาพชื่อดังที่ทาง Leica เชิญมาพูดคุยไม่ว่า Ashly Stohl และ Gus Powell โดยรายละเอียดสามารถเข้าไปดูอินสตราแกรมได้แล้ว จะมีรายละเอียดการ live รวมถึงหัวข้อการพุดคุยไว้ให้แล้ว  3.DxO free […]

การเลือกซื้อเลนส์แต่ละครั้งเปรียบเหมือนสนามรบที่เราต้องวางแผน ศึกษาหาข้อมูลกันค่อนข้างละเอียดเพราะตัวเลือกในตลาดเวลานี้มีเยอะมากจนบางครั้งเราไม่รู้ว่าเลนส์ตัวไหนเหมาะกับเรา.  EC-Mall ร้านกล้องที่คุณวางใจขอมอบแนวคิดสำหรับมือใหม่ยึดถือเป็นหลักเบื้องต้นก่อนเข้าสู่สนามเลนส์ “รู้เลนส์ รู้เรา ซื้อร้อยครั้งโดนใจร้อยครั้ง” ข้อสำคัญเบื้องต้นที่จะช่วยให้การเลือกซื้อเลนส์ของตากล้องนั้นง่ายขึ้น เป็นขั้นเป็นตอนและได้เลนส์ที่จะใช้งานจริงๆ  Part 1 รู้เรา  1.ตรวจสอบเลนส์ในคลังแสงก่อน  ฟังดูเป็นเรื่องตลแต่เชื่อหรือไม่ว่ามีหลายคนมักจะลืมเลนส์บางตัวที่ไม่ได้ใช้ หรือเลนส์ที่ไม่ถูกใจไว้ที่บ้านจนบางครั้งจำไม่ได้ว่าเคยมีเลนส์นี้ การตรวจสอบจำนวนและชนิดของเลนส์เพื่อให้แน่ใจว่าของที่มีอยู่นั้นมีจำนวนเท่าไร เลนส์ไหนไม่ได้ใช้ เลนส์ตัวไหนที่ควรปลดระวาง จัดการส่วนเกินให้เรียบร้อยจะทำให้เราเห็นช่องว่างของอุปกรณ์ว่าเรายังขาดอะไรรวมถึงยังเป็นการทบทวนตัวเองไปด้วยว่าของที่มีอยู่พอแล้วหรือยัง เพื่อจะได้เห็นภาพรวมว่าเราจะเติมเลนส์ตัวไหนเข้าบ้าน  2.กล้องถ่ายภาพที่ใช้  กล้องถ่ายภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่เราต้องทราบตั้งแต่แรกเพราะเป็นปัจจัยต้นๆในการเลือกเลนส์ที่ใช้งานร่วมกับกล้องได้เต็มประสิทธิภาพ ขั้นแรกเริ่มจากตรวจสอบกล้องที่มีเป็นของแบรนด์ไหน และเซนเซอร์กล้องเป็นแบบ Micro fourthird, APS-C หรือ fullframe ซึ่งเซนเซอร์จะมีผลมากทีเดียวเนื่องจากเซนเซอร์ขนาด APS-C, Micro four third จะมีการคูณระยะเลนส์เพิ่มไปจากเดิม เช่น canon 200d mark II ใส่คู่กับเลนส์ 50 mm จะได้ระยะจริงที่ประมาณ 80มม.(50×1.6(ระยะคูณเซนเซอร์))เป็นต้น ทำให้ผู้ผลิตเลนส์แต่ละค่ายจะผลิตเลนส์ให้สอดคล้องกับเซนเซอร์เพราะถ้าเราใช้เลนส์ไม่ตรงประเภทอาจจะมีปัญหาเรื่องของการใช้เลนส์ไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ  ต่อมาคือเรื่อง mount ที่ต้องซื้อให้ตรงกับตัวกล้องอยู่แล้ว แต่มีหลายคนที่ชอบประยุกต์การใช้เลนส์ให้มีความหลากหลายผ่านอะแดปเตอร์เป็นต้น มาช่วยให้เราสามารถนำเลนส์ของค่ายอื่นหรือคนละเมาท์มาใช้กับกล้องที่เรามีได้ด้วย อย่างเช่นเลนส์กล้องฟิล์มเก่าเก็บ เลนส์กล้อง CCTV เลนส์ต่างค่ายมาต่อผ่านอะแดปเตอร์เข้ากับกล้องดิจิตอล […]

ฟิลเตอร์ ชื่อที่หลายคนมักจะได้ยินทุกครั้งเวลาที่ซื้อเลนส์หรือกล้องใหม่เป็นประจำแต่หลังจากนั้นเหล่ามือใหม่หัดถ่ายภาพก็แทบจะไม่ได้เข้าไปยุ่งกับชิ้นส่วนบางๆ หน้าเลนส์อีกเลย จนกกว่าจะมีอาการแตกหรือต้องการทำความสะอาดเลนส์อาจจะด้วยความเชื่อที่ว่าฟิลเตอร์เป็นเพียงเกราะป้องกันไม่ให้หน้าเลนส์ของเรามีฝุ่นเข้าไปรบกวนหรือป้องกันเลนส์จากการกระแทก  แต่เชื่อหรือไม่ว่าฟิลเตอร์เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้การถ่ายภาพของเรามีลูกเล่น น่าสนใจมากขึ้นจากการใช้เทคถ่ายภาพต่างๆ EC-Mall ร้านกล้องที่คุณวางใจ พามือใหม่หัดถ่ายภาพมาทำความรู้จักกับฟิลเตอร์ที่จะช่วยให้การถ่ายภาพสนุกมากขึ้น  1.UV Filter และ Protector Filter  UV Filter เป็นฟีลเตอร์ยอดนิยมที่เรามักจะซื้อพ่วงมากกับกล้องและเลนส์เป็นประจำ โดยหวังจะให้กระจกตัวหน้าเป็นเกราะป้องกันภัยอันตรายต่างที่จะมาทำลายเลนส์สุดห่วงของเรา แต่ในความจริงแล้ว UV Filter หรือ Ultraviolet Filter นี้มีส่วนช่วยให้การถ่ายภาพนอกสถานที่มากทีเดียว โดยตัวฟิลเตอร์จะเข้ามาช่วยลดผลกระทบที่เกิดจากแสง UV ทำให้ภาพที่ได้มีความคมชัดมากขึ้น ส่วนเพื่อนบ้านผู้ใกล้ชิดอย่าง Protector Filter ที่สร้างมาเพื่อใช้ปกป้องหน้าเลนส์ โดยเฉพาะในช่วงยุคฟิล์มมีช่างหลายคนซื้อฟิลเตอร์รุ่นนี้ติดกระเป๋าไปด้วย แต่ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่มักนิยมใช้ UV Filter มาทำหน้าที่ในส่วนป้องกันเลนส์ด้วย  2. Polarizing Filter   อีกหนึ่งฟิลเตอร์ที่ช่างภาพสาย Landscapes ควรหามาประดับไว้สักชิ้น เพราะเลนส์ประเภทนี้จะช่วยลดแสงจำพวก glare และจัดการกับ saturation หรือให้ความอิ่มสีได้ดีมากขึ้น ทั้งยังลดภาพสะท้อนจะวัตถุต่างๆที่เป็นอโลหะอย่าง น้ำ กระจก ใบไม้ เป็นอีกหนึ่งฟิลเตอร์ที่ช่างภาพสายเข้าเข้าป่าหรือขึ้นตึกต้องมีติดกระเป๋าไว้เวลาออกล่าภาพ  3. Neutral […]

“น้อยแต่มาก” เป็นประโยคระดับตำนวนที่กล่าวโดยนักสถาปนิกชาวเยอรมัน Mies van der Rohe จนกลายไอเดียการถ่ายภาพแนวมินิมอลที่หลายคนพยายามถ่ายภาพให้ดูแนวมินิมอลมากขึ้น วันนี้มาลองดูแนวคิดการถ่ายภาพว่าเขามีแนวคิดอย่างไรกันบ้าง 1.ง่ายๆเข้าไว้ เมื่อถ่ายภาพแนวมินิมอลแล้ว พยายามถ่ายให้ภาพดูสะอาดมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ผ่านมุมมองที่น่าสนใจ และต้องถามตนเองระหว่างวางเฟรมจัดองคืประกอบด้วยว่าจะลบสิ่งไหนออกจากภาพเพื่อจุดสนใจที่เราพยายามเสนอดูแข็งแกร่งและน่าสนใจ 2.ทำงานร่วมกับ negative space มีหลายคนที่ให้ความสำคัญกับ negative space จนเป็นส่วนสำคัญของการถ่ายภาพมินิมอล บางคนแย้งว่าพื้นที่ว่างเปล่านั้นมีความสำคัญกับตัววัตถุในภาพ อย่างไรก็ตามเราสามารถจัดการกับพื้นที่ว่างเปล่าเหล่านี้ทั้งที่เป็น negative space และไม่ใช่มาให้เกิดประโยชนืกับภาพมากที่สุดก่อนที่จะมีสิ่งรบกวนอื่นมาทำลายภาพที่เราคิดไว้ 3.รวบรวมสิ่งที่เกี่ยวข้องไว้ในภาพ นอกจากการจัดการ negative space การแยกวัตถุที่ไม่เกี่ยวข้องกับวัตถุที่เรานำเสนอเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เปรียบเหมือนการพยายามทำห้องให้ว่างเพื่อที่จะทำให้เรารู้ว่าอะไรควรนำมาใส่และอะไรที่ควรเอาออกจะทำให้การถ่ายภาพออกมาดีขึ้น 4.มองหา texture และ pattern พยายามมองหากันเพื่อให้เกิดการซ้ำของรอยหรือเรียกว่าจังหวะของลายเส้นที่มีความสม่ำเสมอ ยกตัวอย่างเช่น รอยแตกของโคลนที่แห้งหรือบนเปลือกไม้ ลายปูน รวมไปถึงฝูงนกก็สามารถทำให้ดูเป็นเรื่องของเส้นสายการซ้ำได้ด้วยเช่นกัน พยายามมองหาเส้นต่างในธรรมชาติ 5.จัดการสีให้ไม่ยุ่งยาก ในการถ่ายภาพมินิมอลลองมองหาพื้นที่ที่มีโทนสีเดียวหรือใกล้เคียงกันไว้เพื่อนภาพมีสีในทิศทางเดียวกัน อย่างท้องฟ้าและทะเล หรือการจับสีที่มีระดับความเข้มที่ใกล้คียงกัน การพยายามจัดการกับสีไม่ให้ฉีกหนีกันจนเกินไปจะช่วยให้ภาพดูมินิมอลมากขึ้น 6.เล่นกับเส้น เส้นแนวตั้งและแนวนอนที่ขนานกันกับขอบฟ้า ทะเลหรือเส้นขอบที่ธรรมชาติสร้างขึ้นจะช่วยสร้างภาพให้รู้สึกถึงความสะอาดและดูเป็นระเบียบ ถือว่าเป็นรากฐานการออกแบบที่เรียบง่าย เมื่อทำงานกับสี่เหลี่ยมสี่เหลี่ยมหรือเส้นเรียบง่ายภายในกรอบให้หลีกเลี่ยงการบิดเบือนของเลนส์หรือมุมมองที่ให้มุมเอียงเบี่ยงเบนเส้นของคุณให้มากที่สุด 7.วาดภาพในใจก่อนถ่าย ก่อนถ่ายภาพลองวาดภาพสุดไว้ภายในใจก่อนเพื่อให้การทำงานจัดองค์ประกอบของเรามีเอกภาพและชัดเจนมากที่สุด และภาพของเราจะไม่สับสนหรือภาพที่ออกมาไม่ได้ตามที่ใจต้องการ แน่นอนยิ่งภาพในใจของเราชัดมากแค่ไหนภาพที่ออกมาจะยิ่งได้ตามที่ต้องการ 8.มองหาความหมายที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น […]

“ภาพหนึ่งภาพ แทนคำกว่า 1 ล้านคำ” คำเล่าขานของนักสื่อสารและช่างภาพที่มักจะพูดให้ฟังกันเป็นประจำ เวลาพูดถึงรูปภาพ แต่การสร้างสรรค์ให้รูปภาพไม่กี่ใบให้เล่าเรื่องให้ผู้ชมภาพได้เข้าใจเรื่องราว เข้าถึงความรู้สึกของคนถ่ายได้อย่างลึกซึ้งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้  ซึ่งช่างภาพดังๆ หลายคนสร้างภาพที่มีสเน่ห์ชวนหลงไหลด้วยการใส่เรื่องราวลงไปบนภาพฟังดูเป็นเรื่องง่ายแต่การจัดองค์ประกอบ ลำดับภาพรวมถึงการเล่นกับสีให้ออกมาลงตัวสอดคล้องกับเรื่องที่จะเล่านั้นต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง EC-Mall รวบรวม 6 เทคนิคการคิดช่วยเสริมให้ภาพมีเรื่องราวและเสน่ห์มากยิ่งขึ้น  1.จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ จินตนาการถือเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญในการสร้างสรรค์มุมมองใหม่ๆ ที่แตกต่างจากคนอื่น  เมื่อเราเห็นมุมที่เราสนใจ ลองต่อยอดดูว่าถ้ามีวัตถุเดินมาในเฟรม แสงอาทิตย์เปลี่ยนมุม ฝึกคิดล่วงหน้าก่อนยกกล้องถ่าย เรียกง่ายๆ ว่า พยายามคิดถึงภาพสุดท้ายว่าจะเป็นอย่างไร เรื่องราวจะออกมาประมาณไหน เรียกว่าเราใช้จินตนาการในการสร้างภาพออกมาก่อน  ยิ่งถ้าเราพกกล้องถ่ายภาพติดตัวเวลาออกไปข้างนอกแล้วละก็ จะเป็นตัวช่วยในเรื่องนี้มากทีเดียว 2.กล้าที่จะลอง อย่ากลัวที่จะล้มเหลว ยิ่งเรากลัวการวิจารณ์หรือมุมมองที่แตกต่างแล้ว  ตัวผู้ฝึกฝนอาจจะพัฒนาได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็น เพราะผู้ชมจะเป็นกระจกที่คอยสะท้อนภาพของเราว่าเราสื่อสารได้ตรงกับผู้ชมหรือเปล่า ซึ่งความล้มเหลวและคำวิจารณ์จะเป็นแบบฝึกชั้นเยี่ยมในการเหลาความคิดและการมองภาพของเราให้แหลมคมมากขึ้น ฉะนั้นทิ้งความกลัวไว้ข้างหลังแล้วออกไปถ่ายภาพเพื่อพัฒนาตัวเองให้เก่งมากขึ้น 3.ถามตัวเองรูปที่ถ่ายจะสื่ออะไร เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมากในการพัฒนางานถ่ายภาพของตนเองให้ดีขึ้น แม้เราจะเรียนรู้เทคนิคถ่ายภาพต่างๆ มาครบถ้วน ในบางครั้งสเน่ห์ของภาพกลับไม่ได้อยู่ที่เทคนิคแต่เรื่องราวของภาพต่างหากที่เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัด ซึ่งก็มีหลายภาพที่ภาพอาจจะดูไม่ชัดมากแต่เรื่องราวในเรื่องครบถ้วนแถมยังเป็นเรื่องที่น่าสนใจอีกละก็ ความน่าสนใจจะยิ่งทวีคูณเพิ่มขึ้นมาก EC-Mall แนะนำคำถามสั้นๆ ไว้ใช้ถามตนเองและภาพถ่ายดู 1.ถ่ายอะไรให้ได้อารมณ์ตามที่ตั้งใจ 2.แสงที่ได้ดีพอหรือยัง 3.องค์ประกอบเป็นไปอย่างที่คิดหรือไม่ 4.มิติในภาพเป็นอย่างไร 5.เรื่องราวในภาพ้ป็นหนึ่งเดียวกันหรือไม่ 4.อารมณ์ภาพต้องมา อารมณ์ความรู้สึกเป็นอีกสิ่งที่สำคัญในการสื่อสาร เพราะความรู้สึกเป็นสิ่งส่งถึงกันได้ง่ายโดยไม่ต้องอิงเหตุผลมากเท่าไร  คนถ่ายภาพจึงควรพยายามเก็บจังหวะภาพที่ส่งอารมณ์ได้ดีที่สุด […]

gimbal ถือว่าเป็นอุปกรณ์เสริมที่เข้ามามีส่วนร่วมในการถ่ายวีดีโอทั้งในอุตสาหกรรมภาพยนตร์รวมไปเหล่า youtuber หรือแม้แต่คนที่เริ่มสนใจถ่ายวีดีโอเอง ก็มักจะนึกถึง Gimbal เป็นอันดับแรกๆ ที่จะหาซื้อมาเป็นตัวช่วย ยิ่งในปัจจุบันราคาในตลาดก็ถูกลงไปมากอย่าง swift P1 ที่มีราคาเพียง 4000 ต้นๆ ลองมาดูประโยชน์ของกิมบอลมันมีอะไรบ้าง 1.กันภาพสั่นได้ดี แม้กล้องในตลาดหลายแบรนด์จะมีระบบกันสั่นในตัวที่ทำงานได้ค่อนข้างดีอยู่แล้วในระดับหนึ่ง แต่การมีกิมบอลจะช่วยยกระดับภาพให้ดูนิ่งลื่นไหลมากยิ่งขึ้น แม้ตอนถ่ายนั้นกำลังเดินตามวัตถุอยู่ก็ตาม ช่วยให้ผู้ชมรู้สบายตาในเวลาที่ชมวีดีโอของเราและช่างภาพเองก็ไม่ต้องเกร็งหรือต้องลำบากในการทำภาพวีดีโอนิ่งที่สุด ช่วยให้เหนื่อยลงไปนิดนึง 2. สร้างลูกเล่นได้มากขึ้น วีดีโอจะน่าสนใจหรือไม่นั้นนอกจากเอฟเฟคในคอมที่เราใส่มาแล้วมุมมองภาพและการเคลื่อนไหวของกล้องเป็นหนึ่งตัวช่วยให้วีดีโอมีความน่าสนใจอย่าง Crane Shots ควงสว่าน เครนหรืออื่นๆ ได้หลากหลายด้วยกิมบอลชิ้นเดียว เป็นอุปกรณ์ที่เสริมจินตนาการผู้ถ่ายได้มากขึ้น 3.พกพาสะดวก ถ้าจะเปรียบเทียบกับขาตั้งกล้องหรือ tripod แล้ว กิมบอลมีขนาดที่เล็กกว่าสามารถพกพาได้ค่อนข้างสะดวกกว่าพอสมควร และฟังก์ชั่นการใช้งานก็มีมากกว่า เพราะกิมบอลแต่ละแบรนด์ต่างมีฟังก์ชั่นลูกเล่นที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสร้างสรรค์ได้ง่าย ในส่วนน้ำหนักก็ไม่มากเท่าไรนักอย่าง Swift P1 มีน้ำหนักเพียง 800 กรัมเท่านั้น และขนาดก็ไม่ได้ใหญ่มากทำให้พกพาได้สะดวก 4.ถ่ายแอคชั่นได้สบาย ด้วยระบบกันสั่นที่ดีแล้ว การถ่ายวีดีโอแอ็คชั่นก็เป็นเรื่องง่ายมากเพราะตัวกิมบอลออกแบบให้ถือเดินไปมารวมไปถึงวิ่ง ทำให้ช่างภาพไล่ตามวัตถุได้ง่ายและภาพไม่กระชากจนปวดหัวมากไป เรียกว่าทำงานได้ดีเยี่ยม ในตัวกิมบอลมักมีฟีเจอร์ follow focus ช่วยให้กล้องไล่ตามโฟกัสวัตถุที่เคลื่อนไหวได้ดีเยี่ยม 5. ต่อยอดพัฒนาได้ดีเยี่ยม […]

เป็นเรื่องที่ช่างภาพมือใหม่หลายคนที่มักจจะปวดหัวกับกล้องตัวเองพอสมควรเวลาออกทริปว่า เราจะทำอย่างไรให้แบตเตอรี่ก้อนน้อยๆ ของเราให้สามารถใช้งานได้มากขึ้น ไม่ต้องรีบแวะเข้าหาปลั๊กหรือควง power bank ออกมาต่อสายให้กล้อง มาลองดูกันว่า 5 วิธีที่จะทำให้เราใช้แบตเตอรี่ 1 ก้อนได้นานมากขึ้น 1.ไม่ลบรูปภาพจากหลังกล้อง หลายคนน่าจะเป็นกันประจำเวลาถ่ายภาพแล้วได้รูปที่ไม่ชอบใจก็รีบจัดการลบภาพแทงใจดำนั้นออกจากกล้องทันที ซึ่งการลบรูปออกจากกล้องนั้น จะทำให้กล้องต้องใช้พลังงานไปสั่งลบในเมมโมรี่การ์ดอีก ยิ่งทำบ่อยมากเข้าพลังงานที่เสียไปก็มากเป็นทวีคูณ ลองปรับพฤติกรรมไปลบในจอคอมจะเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน เพราะเราจะได้พิจารณารูปที่ตอนแรกนั้นคิดว่ามีปัญหามาลองแต่งภาพแก้ไข ซึ่งผลที่ได้อาจจะกลายเป็นรูปที่ดีได้ และการนำมาดูหลังกล้องจะช่วยให้เราเข้าใจปัญหารวมถึงปรับปรุงแก้ไขการถ่ายภาพในครั้งหน้าให้ออกมาดีขึ้น 2. ใช้แฟลชติดกล้องเท่าที่จำเป็น ปัจจุบันกล้องหลายรุ่นมักจะมีแฟลชติดมากับกล้องด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งด้วยหน้าที่ของแฟลชจะช่วยเติมแสงให้ภาพกรณีที่แสงในภาพน้อยเกินไป ด้วยกำลังไฟที่แฟลชติดกล้องมีนั้นหลายเหตุการณ์ไม่สามารถให้คุณภาพแสงที่ดีพอให้กับภาพแถมกลายเป็นว่าภาพที่ได้แย่เกินบรรยาย หรือมีหลายครั้งที่ระบบกล้องคำนวนว่าควรใช้แฟลชมาดื้อๆ ทั้งที่แสงภายนอกก็เยอะดี  ลองปิดแฟลชออโต้แล้วพยายามใช้แสงธรรมชาติให้ดีที่สุด หรือจำเป็นต้องใช้เป็นประจำลองหาซื้อแฟลชหัวค้อนมาใช้แทนจะดีกว่า  ในด้านของพลังงานเองการที่เรายิงแฟลชหัวกล้องออกไปต้องใช้พลังงานจากแบตเตอรี่กล้องมาเช่นกันในการยิงแต่ละครั้งซึ่งหากเราลดจำนวนการใช้ลงจะช่วยให้แบตเตอรี่ใช้พลังงานน้อยลง 3. ลดความสว่างของจอหลังลง ในกรณีที่กล้องที่ใช้ มีช่องมองภาพอยู่แล้ว แนะนำว่าให้ใช้ช่องมองภาพจะช่วยประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ไปได้มาก ขณะเดียวกันก็พยายามลดความสว่างของจอ LCD หลังกล้องลงตามความเหมาะสม เพราะจอ LCD เป็นอีกจุดที่ใช้พลังงานค่อนข้างเยอะ แต่กล้องของใครที่มีเพียงจอ LCD แนะนำให้พยายามปรับความให้เหมาะสมตามสถานการณ์หน้างาน 4.เลิกใช้แบตเตอรี่เก่าที่เสื่อมอายุ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่มือใหม่หรือคนใช้กล้องหลายคนอาจจะลืมตัวไปหลังจากใช้กล้องไปหลายปี เมื่อแบตเตอรี่เสื่อมลงการเก็บประจุไฟแต่ละครั้งได้น้อยลง พยายามสังเกตว่าปกติแบตเตอรี่ก้อนหนึ่งนั้นเราใช้งานอยู่กี่ชั่วโมงหาก แบตเตอรี่มีอาการหมดไวขึ้นจนผิดสังเกตรีบเปลี่ยนทันที 5.หลีกเลี่ยงอากาศหนาวหรือสถานที่อุณหภูมิต่ำ ใครที่ไปเที่ยวต่างประเทศในช่วงฤดูหนาวจัดจะรู้สึกว่าแบตเตอรี่ของเรานั้นจะหมดไวกว่าปกติ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของแบตเตอรี่กล้องที่จะเสียพลังงานรวดเร็วในที่ๆมีอุณหภูมิต่ำ ดังนั้นถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็เป็นเรื่องที่ดีแต่ถ้าต้อไปเตรียมของสำรองไปให้พร้อม

ได้ยินกฎ 1% หลายคนอาจจะสงสัยว่ากฎธรรมดาๆเพียง 1% นั้นจะทำให้ภาพถ่ายของเราดูดีขึ้นได้อย่างไร ก่อนจะพูดถึงวิธีคิด ผู้เขียนพอไปรู้จักที่มาของเรื่องนี้เล็กน้อย กฎนี้เริ่มเป็นที่รู้จักในปี 2012 ในงานมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่กรุงลอนดอน ซึ่งทีมจักรยาน GB ทีมที่นำกฎนี้มาใช้และทำให้ทีมมีผลงานที่ดีเยี่ยมจากกฎ 1%  โดยทีมจักรยานจะพิจารณาการแข่งขันในทุกมุมมองมองละ 1% ปรับปรุงจนทำให้ทีมมีผลงานที่ดี ซึ่งเมื่อนำแนวคิดนี้มาใช้กับการถ่ายภาพจะช่วยให้ภาพของเราดีขึ้น  คิดก่อนถ่าย  มาเริ่มที่ 1% แรกเลยคือการคิดก่อนถ่าย มีช่างภาพหลายคนที่นิยมกดถ่ายภาพมาเป็นร้อยภาพเมื่อเราไปถ่ายภาพนอกสถานที่ แต่เราลองเปลี่ยนจากการกดรัวๆ มาเป็นให้เวลากับการคิดให้มากขึ้นก่อนที่จะกดถ่ายภาพ  ทำงานใช้ช้าลงเพื่อเพิ่มโอกาสที่เราจะเปลี่ยนภาพธรรมดาที่อยู่ตรงหน้าให้เป็นภาพที่ดีขึ้นด้วยการคิดวิเคราะห์ในมุมต่างๆ พิจารณาความเป็นไปได้หากเราจะรอเวลาอีกหน่อยเพื่อจะมีลำแสง เมฆหรือมองหามุมที่ดีที่สุดจะทำให้เราได้ภาพที่ดีที่สุดเป็นรางวัล  จัดคอมโพสิชั่นให้ดีที่สุด  ต่อมาอีก 1% ที่เราต้องให้ความสำคัญคือเรื่องของการจัดองค์ประกอบภาพ วิธีการจัดองค์ประกอบภาพในปัจจุบันมีหลายรูปแบบ แต่เราสามารถนำมาใช้งานร่วมกันเพื่อให้ภาพออกมาดีที่สุด อย่างการนำกฎสามส่วนมาจับคู่กับเส้นนำสายตา การขัดแย้งสีหรืออื่นๆ จึงไม่จำเป็นที่เราจะต้องยึดกับกฎใดเพียงกฎเดียวในการถ่าย อีกสิ่งที่ช่วยให้องค์ประกอบมีความสมบูรณ์คือการลองขยับตัวเดินหน้า ถอยหลังขยับซ้ายขวาที่ละนิดหรือแล้วแต่ความชอบก็ได้ จะทำให้เราเห็นมุมมองที่แตกต่างและช่วยตัดสินใจได้ว่าจะเลือกมุมไหน  ปรับตั้งค่าให้ดีที่สุด  การตั้งค่าถ่ายภาพเป็นอีก 1% ที่สำคัญในการถ่ายภาพทั้งในเรื่องค่ารูรับแสง ชัตเตอร์สปีดและISO  ค่าพื้นฐานทั้งสามที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้ภาพเข้ามา การปรับถ่ายภาพต่างๆ จะอิงกับแนวคิดและจินตนาการภาพสุดท้ายที่เราต้องการ อย่างการถ่ายภาพแบบ high key ที่จะต้องตั้งค่าให้ภาพอิงไปทาง over มากกว่าปกติ การตั้งค่าก็จะเปลี่ยนไปตามความต้องการของผู้ถ่าย […]

เมมโมรี่การ์ดเป็นไอเทมสำคัญที่เชื่อว่าเหล่ามือใหม่คงต้องนั่งสงสัยว่าจะเลือกอะไรแบบไหน สัญลักษณ์ที่บอกมันคืออะไรแล้วข้อมูลนี้จะช่วยให้เราสามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพมากแค่ไหน วันนี้เราลองมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสัญลักษณ์ที่ควรรู้ บน SD Card ช่วยให้เราเลือกซื้อ Memory card ได้ง่ายขึ้น 1.ยี่ห้อ หนึ่งเรื่องที่ต้องรู้เป็นอย่างแรกสำหรับการซื้อเมมโมรี่ซึ่งในตลาดที่วางขายอย่าง SanDisk, Lexar, และ Kingston, Transcend, Samsung, Toshiba ซึ่งเป็นแบรนด์ยอดนิยมที่วางขายในตลาด และ แบรนด์ที่กล่าวมาข้างต้นนี้เชื่อว่าเป็นกลุ่มแรกๆของมือใหม่ที่จะหยิบมาใช้ครั้งแรกในชีวิต ซึ่งแต่ละแบรนด์จะมีบริการหลังการขายที่แตกต่างกัน บางยี่ห้อจะมีบริการกู้ข้อมูลฟรี หรือมีประกันหากสินค้ามีปัญหา ฉะนั้นควรศึกษาและสอบถามเจ้าที่ขายเพื่อความสบายใจ 2.ระดับขั้นของการ์ด เมมโมรี่การ์ดเองก็มีการแบ่ง line สินค้าตั้งแต่ระดับธรรมดาจนถึงระดับพรีเมี่ยม ซึ่งการแบ่งระดับการ์ดของแต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกันไปตามแต่จะตั้งชื่อกันไปยกตัวอย่างเช่น SanDisk ที่แบ่งขั้นไว้ตั้งแต่ Ultra, Ultra Plus, Extreme, Extreme Plus และ Extreme Pro ซึ่งระดับการ์ดจะเป็นตัวบ่งบอกว่าจะมีฟีเจอร์เรื่องของความเร็วและป้องกันน้ำไปในตัว ซึ่งระดับการ์ดยิ่งสูงราคาก็จะสูงตาม 3.ความจุ เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกหาซื้อเมมโมรี่การ์ด ซึ่งความจุยิ่งมากย่อมทำให้สามารถเก็บจำนวนไฟล์ได้มากขึ้น ซึ่งในตลาดมีตั้งแต่ 4GB, 8GB และสูงสุดถึงประมาณ 1 TB และ 2TB […]

แม้จะผ่านเวลามาเกือบจะ 4 ปีแล้ว นับตั้งแต่ Sony เปิดตัวกล้อง a7SII กล้องมิลเลอร์เลสฟูลเฟรมที่ทางค่ายจัดให้เป็น “กล้องที่มีประสิทธิภาพความไวแสงสูงเป็นพิเศษ” และยังไม่มีการผลิตกล้องรุ่นใหม่มาทดแทนอีกด้วย ซึ่งเหตุนี้กล้อง a7SII จึงถูกใช้งานในประเภทกล้องบันทึกวีดีโอและภาพเคลื่อนไหวโดยส่วนใหญ่ เพราะยังเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพการทำงานที่มั่นใจได้ EC-Mall จึงขอนำเสนอ 3 เหตุผลที่กล้อง a7SII เป็นกล้องสำหรับบันทึกวีดีโอที่รองรับกับการทำงานในระดับมืออาชีพในปี 2019 นี้ 1.ความไวแสงที่สูงเป็นพิเศษ สำหรับ a7SII ตัว S นั้นย่อมาจาก Sensitivity (ความไวแสง) จุดเด่นจึงเป็นกำลังISO ที่สูงสุด 409,600 ซึ่งยังไม่มีกล้องมิลเลอร์เลสรุ่นไหนทำได้ในตอนนี้ เพราะยิ่งมีค่าISOที่สูงมาก การเกิดสัญญาณรบกวนภาพ(Noise)ยิ่งมีน้อยลงเมื่อใช้ค่าISOในระดับต่ำ  และทำให้เป็นผลดีกับการบันทึกวีดีโอในที่แสงน้อยอีกด้วย อย่างเช่น ใช้ในการบันทึกวีดีโอท้องฟ้าในตอนกลางคืน เป็นต้น 2.ความสามารถในการถ่ายวิดีโอระดับ 4K/30 เฟรมต่อวินาที ในปัจจุบันกล้องมิลเลอร์เลสฟูลเฟรมสามารถบันทึกบันทึกวิดีโอ 4K ได้โดยส่วนมาก แต่ยังมีบางส่วนที่มีปัญหาครอบตัดภาพหรือ Pixel Binning แต่สำหรับ a7SII สามารถบันทึกวีดีโอ 4K ในรูปแบบฟูลเฟรมได้ ซึ่งมีคุณสมบัติระบบอ่านแบบเต็มพิกเซล โดยไม่ต้องใช้ Pixel Binning และมีฟังก์ชันภาพยนตร์ขั้นสูงอีกมากมาย จาก PlayMemories Camera Apps โดยในซีรีย์ปัจจุบันของ Sony […]

🎇 3 ส่วนประกอบ สร้าง “โบเก้” ให้ภาพอย่างง่าย 🎆 ใครที่กำลังจะไปเที่ยวเคาท์ดาวน์ปีใหม่ อยากได้ภาพติดโบเก้สวยๆ ตอนนี้เป็นโอกาสดีแล้วครับ แต่ละสถานที่ท่องเที่ยวต่างประดับประดาไฟกันอย่างสวยงามเลยทีเดียว ซึ่งการถ่ายภาพโบเก้ให้ดวงกลมๆ สวยงามนั้นไม่ยากเลยครับ เตรียมกล้องและอุปกรณ์ให้พร้อมแล้วไปกันเลย 🎉 ช่องรับแสง ช่องรับแสง หรือเรียกว่าง่ายๆ f-stop เลนส์ที่สามารถสร้างโบเก้ได้ง่ายๆ ต้องมีช่องรับแสงที่กว้าง หรือ f-stop น้อยๆ เช่น f/1.8 ยิ่งน้อยก็ยิ่งเบลอและมีโบเก้มาก แนะนำว่าให้ใช้เลนส์ที่มี f-stop น้อยที่สุด ในขณะเดียวกัน ถ้าหากใช้ f-stop เยอะ ก็จะทำให้ฉากหลังคมชัด ตัวอย่าง f/1.4 1/80 iso3200 ระยะห่าง หัวใจของการสร้างโบเก้ คือ ระยะห่างระหว่างตัวแบบและฉาก(ทั้งหน้าและหลัง) โบเก้จะไม่เกิดหากตัวแบบอยู่ใกล้เกินไป เพื่อให้จดจำได้ง่าย โปรดจำไว้ว่ามีเพียงคุณเท่านั้นที่ควรยืนอยู่ใกล้ตัวแบบของคุณ ทุกสิ่งทุกอย่างควรอยู่ห่างออกไป ยิ่งอยู่ใกล้กับตัวแบบมากขึ้นเท่าใดความเบลอของโบเก้ก็จะยิ่งดูมากขึ้นเท่านั้น ตัวอย่าง f/1.8 1/160 iso400 ความยาวโฟกัส ความยาวโฟกัสของเลนส์เป็นตัวช่วยอย่างดี เลนส์เทเลโฟโต้ทำให้เกิดโบเก้ได้ง่ายกว่าเลนส์มุมกว้างแต่ขนาดโบเก้จะมีขนาดต่างกันตามระยะความยาวโฟกัส สามารถทำไปปรับใช้ได้ทุกเลนส์ แม้จะเป็นเลนส์คิทก็ตาม แค่ซูมให้ระยะใกล้สุด […]